ความมีน้ำใจ
การอยู่ร่วมกันในสังคม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีน้ำใจไมตรีที่ดีต่อกัน จึงจะอยู่กันได้อย่างสันติสุขความมีน้ำใจเป็นเรื่องที่ทุกคนทำได้ โดยไม่ต้องใช้เงินทองมากมายเพียงแต่แสดงความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ โดยการช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เป็นการแสดงน้ำใจได้ เช่นการพาเด็กหรือผู้สูงอายุข้ามถนน หรือการสละที่นั่งบนรถโดยสารให้หญิงมีครรภ์ เป็นต้น ก็นับว่าเป็นการแสดงน้ำใจการแสดงความมีน้ำใจจึงไม่ใช่วัดกันด้วยเงิน บางคนมีเงินมากอาจแล้งน้ำใจก็ได้ บางคนเป็นเศรษฐีแต่ตระหนี่ถี่เหนี่ยว ไม่ยอมสละเงินโดยไม่รับผลประโยชน์ตอบแทน
ความมีน้ำใจนั้น ตรงกันข้ามกับความเห็นแก่ตัวมักจะคิดแต่ประโยชน์ส่วนตัวมาก่อน และความมีน้ำใจตรงกันข้ามกับความอิจฉาริษยา คนที่อิจฉาริษยาคนอื่นย่อมปรารถนาที่จะเห็นความวิบัติของผู้ที่ได้ดีกว่า แต่คนมีน้ำใจนั้นเมื่อเห็นคนอื่นดีกว่า จะมีมุทิตาจิต แสดงความยินดีด้วยอย่างจริงใจผู้มีน้ำใจนั้นเมื่อเห็นคนอื่นได้ดีกว่า จะมีมุทิตาจิตแสดงความยินดีด้วยความจริงใจ ผู้มีน้ำใจจะนึกถึงผู้อื่น และจะพยายามช่วยผู้อื่นที่ด้อยโอกาสกว่า ผู้มีน้ำใจจึงเป็นที่รักและต้องการของคนเราอาจฝึกฝนตนเองให้เป็นคนมีน้ำใจได้ ดังนี้
1. จงเอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดถึงหัวอกของคนอื่น และแสดงต่อผู้อื่นเหมือนที่เราต้องการให้คนอื่นแสดงต่อเรา จงทำดีต่อคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่ว่าความดีนั้นจะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยหรือสิ่งยิ่งใหญ่ก็ตาม
2. จงเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ
3. จงแสดงน้ำใจกับคนรอบข้าง เช่น เมื่อเวลาไปเที่ยวในที่ไกลหรือใกล้ก็ตามควรมีค่าของฝากมาถึงคนที่เรารู้จักและญาติมิตรของเรา อันเป็นการแสดงความมีน้ำใจต่อกัน ไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินมากมาย
4. จงเสียสละกำลังทรัพย์ สติปัญญา กำลังกาย และเวลาให้แก่ผู้เดือดร้อนที่ต้องการพึ่งพาอาศัยเราโดยเป็นการกระทำที่ไม่หวังผลตอบแทน
5. จงมีนิสัยเอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อเพื่อนบ้าน เช่นไปร่วมงานพิธีต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน งานศพ หรืองานอื่น ๆ
6. จงให้ความรักแก่คนอื่น ๆ และให้ความร่วมมือเมื่อเขาขอร้องหรือรู้ว่าเขากำลังลำบากต้องการความช่วยเหลือ
การฝึกฝนตนเองให้เป็นคนมีน้ำใจ นอกจากจะทำให้เราจิตใจที่ดีงามเบิกบานแจ่มใส ผิวพรรณผ่องใสใบหน้าอิ่มเอิบแล้ว ยังทำให้มิตรสหายมาก ใครก็อยากคบหาสมาคมด้วย เพราะความมีน้ำใจแสดงถึงความมีเมตตา กรุณา ต่อเพื่อนมนุษย์ และความเมตตานี้เองจะเป็นกำแพงป้องกันภัยให้เราได้ ลองนำไปปฏิบัติดูนะคะ แล้วชีวิตจะพบแต่ความสุขนิรันดร์
เมตตา เป็นหนึ่งในพรหมวิหารธรรมในพระพุทธศาสนา หรือพรหมวิหารสี่ ซึ่งประกอบไปด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา โดยเป็นปัจจัยให้เกิดพรหมวิหารอื่นได้ เราจำเป็นต้องมีการให้อภัยถ้าเราทำอันตราย เราต้องใช้เวลาที่ขั้นตอนที่ท้าทายที่สุดในการเริ่มต้นกระบวนการของการกู้คืนกระบวนการของการปรองดอง เมื่อเรามีการให้อภัยคนที่ได้รับบาดเจ็บมีโอกาสที่จะเริ่มต้นกระบวนการที่จะกลับไปรัก เราต้องยอมรับข้อเสนอให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้และทำงานต่อการซ่อมแซมความสัมพันธ์ เรามักจะต้องยกโทษให้ตัวเอง นี้อาจจะค่อนข้างยาก เรา จำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับการให้อภัยของเราเองและเดินหน้าต่อไปเช่น เดียวกับที่เราทำเมื่อรับการให้อภัยจากคนอื่น ๆ หรือเมื่อเราให้คนอื่นให้อภัย ที่จริงแล้วการให้อภัยไม่เพียงเกี่ยวกับคนอื่น ๆ แต่ยังเกี่ยวกับการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณของเราเอง ความรักและการให้อภัยไม่สามารถแยกออกจากกัน ความ เมตตาและการให้อภัยเป็นอาการโดยตรงของความรักที่แท้จริงในความเป็นมนุษย์ใด ๆ มนุษย์ทุกคนมีความสามารถในความเมตตาและการให้อภัย มากขึ้นแม้ความเมตตาและการให้อภัยให้อภัยเต็มไปทั้งหมดเป็นที่ง่ายที่สุดการ กระทำที่เร็วและบรรเทาที่สุดที่คุณสามารถกระทำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น